Contact UsInvestorsCareersMediaScienceContact Us ติดต่อเราInvestorsCareersMediaScienceContact Us

เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของมารดา

ไฟเซอร์กำลังทำงานอย่างหนักในการคิดค้น วิจัย และพัฒนาวัคซีนที่สามารถปกป้องทารกจากโรคต่างๆ ผ่านการฉีดวัคซีนในมารดา​
เรากำลังใช้ความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ในด้านการค้นพบและพัฒนาวัคซีน เพื่อสร้างวัคซีนที่มีศักยภาพในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของมารดา​
ซึ่งเป็นความสามารถตามธรรมชาติของสตรีมีครรภ์ในการปกป้องทารกในครรภ์ผ่านการถ่ายโอนแอนติบอดีสู่ทารกในครรภ์​

หน้าหลักวิทยาศาสตร์สาขานวัตกรรม เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของมารดา

เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของมารดา

ไฟเซอร์เป็นผู้นำในด้านนี้ โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาวัคซีนสำหรับมารดาเพื่อต่อต้านโรคที่เป็นภัยคุกคามต่อทารกในช่วงหลังคลอดไม่นาน ด้วยเป้าหมายในการช่วยให้ทารกนับล้านทั่วโลก มีโอกาสรอดพ้นจากโรคติดเชื้อร้ายแรงและมีชีวิตที่แข็งแรง ​

สี่คําถามเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนในระหว่างตั้งครรภ์

ทารกมีความเสี่ยงต่อโรคมากขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกของชีวิตหรือไม่

ทารกแรกเกิดและทารกที่มีอายุน้อยมักไม่สามารถสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่เพียงพอต่อการป้องกันการติดเชื้อได้ และการฉีดวัคซีนโดยตรงมักไม่ใช่ทางเลือก เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของทารกยังไม่พัฒนาจนสมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้ว่า​ระบบภูมิคุ้มกันของทารกจะสามารถต่อสู้กับการติดเชื้อส่วนใหญ่ได้ แต่บางครั้งการติดเชื้อเหล่านี้อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้1

เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของมารดามีประโยชน์อย่างไร?

เพื่อชดเชยระบบภูมิคุ้มกันของทารกที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ ธรรมชาติได้ออกแบบ​กลไกการป้องกันชั่วคราวเพื่อช่วยให้ทารกต่อสู้กับการติดเชื้อ ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่​ไตรมาสที่สองและสูงสุดในช่วงไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์ แอนติบอดีจะถูกส่งผ่านจากมารดาไปยังทารกผ่านทางรก โดยแอนติบอดีของมารดาจะมีปริมาณสูงที่สุดในทารกเมื่อคลอดออกมา จากนั้นจะลดลงอย่าช้าๆ ในช่วง 6 ถึง 12 เดือนข้างหน้า ในขณะที่ระบบภูมิคุ้มกันของทารกค่อยๆ พัฒนาขึ้น​​ นอกจากนี้ หลังการคลอดแอนติบอดียังสามารถส่งผ่านจากมารดาสู่ทารกผ่านทางน้ำนมได้อีกด้วย2 แอนติบอดีของมารดาสามารถช่วยให้ทารกต่อสู้กับการติดเชื้อในช่วงเวลาที่เปราะบางที่สุดในชีวิต2

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การป้องกันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีแอนติบอดีเพียงพอที่จะส่งผ่านไปยังทารก​​ ซึ่งหมายความว่ายิ่งระดับแอนติบอดีในมารดาสูงเท่าใด โอกาสที่แอนติบอดีของมารดาจะถูกส่งผ่านไปยังทารกและช่วยปกป้องทารกแรกเกิดก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น ​หญิงตั้งครรภ์สามารถได้รับแอนติบอดีในระดับสูงผ่านการสัมผัสหรือติดเชื้อเมื่อเร็วๆ นี้หรือผ่านการฉีดวัคซีน ดังนั้นการฉีดวัคซีนในมารดาอาจช่วยให้มั่นใจได้ว่าหญิงตั้งครรภ์มีแอนติบอดีเพียงพอที่จะถ่ายโอนไปยังทารกเพื่อหวังลดความเสี่ยงต่อโรคและการเสียชีวิตของทารกแรกเกิด

การรับวัคซีนในระหว่างตั้งครรภ์ปลอดภัยหรือไม่?

ความปลอดภัยของวัคซีนในระหว่างตั้งครรภ์ได้รับการบันทึกและสนับสนุนดีจากการทดลองทางคลินิกแบบสุ่ม และการศึกษาเชิงสังเกตที่แสดงให้เห็นว่าวัคซีน เช่น Tdap และ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ มีความปลอดภัยสําหรับการใช้ในระหว่างตั้งครรภ์1,1

  • ปัจจุบัน องค์การ​อนามัยโลก (WHO) แนะนํากลยุทธ์ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของมารดา 3 ประการ ได้แก่ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนบาดทะยักสำหรับมารดา และวัคซีน Tdap4

  • กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ (SAGE) ขององค์การอนามัยโลก แนะนําให้ฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักในระหว่างตั้งครรภ์ และ​ระบุว่าหญิงตั้งครรภ์เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักสําหรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่4

  • คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยของวัคซีนขององค์การอนามัยโลกได้ประเมินข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยของการฉีดวัคซีนในหญิงตั้งครรภ์สําหรับวัคซีนเชื้อตายหลายและวัคซีนเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์หลายชนิด

  • ในสหรัฐอเมริกา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) และสมาคมสูตินรีแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา​ (ACOG) แนะนําให้หญิงตั้งครรภ์ในไตรมาสที่สามรับวัคซีน Tdap เพื่อปกป้องทารกจากอาการไอกรน และบาดทะยัก11,12 ทั้งสององค์กรยังแนะนําว่าให้หญิงตั้งครรภ์รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพื่อป้องกันตนเองและทารกจากภาวะแทรกซ้อนของไข้หวัดใหญ่ได้​13, 14

โครงการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของมารดาที่นักวิทยาศาสตร์ของไฟเซอร์กำลังดำเนินการอยู่คืออะไร

เพื่อลดภาระโรคในเด็กทารกทั่วโลก องค์การอนามัยโลก (WHO) ​องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) และหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ ร่วมกับมูลนิธิ Bill and Melinda Gates (BMGF) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาวัคซีนสำหรับสตรีมีครรภ์โดยเฉพาะ

ขณะนี้มีการมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสระบบทางเดินหายใจ (RSV) ซึ่งเป็นโรคระบบทางเดินหายใจที่อาจเป็นอันตรายโดยเฉพาะทารกในช่วงเดือนแรกๆ ของชีวิต​ และเชื้อสเตร็ปโตคอคคัสกรุ๊ปบี (GBS) ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่สามารถเกิดขึ้นได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือวันหลังคลอด

ปัจจุบัน ทีม​วิจัยและพัฒนาวัคซีนของไฟเซอร์ (R&D) กําลังทํางานอย่างแข็งขันและกระตือรือร้นในการพัฒนาวัคซีนสําหรับ RSV และ GBS ​ด้วยมีเป้าหมายในการลดภาระโรคทั่วโลกจากเชื้อเหล่านี้

การพัฒนาที่ประสบความสําเร็จและการนำเสนอวัคซีนใหม่ของมารดา​ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าที่มีศักยภาพในการสร้าง​ผลลัพธ์ทางสุขภาพที่ดีในระดับโลกอย่างมีนัยสำคัญ และเพื่อสร้างเครื่องมือเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่สำคัญในการลดอัตราการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตของทารกทั่วโลก​

Kathrin Jansen, PhD, หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาวัคซีน แบ่งปันวิธีการที่นักวิทยาศาสตร์กําลังศึกษาแนวทางที่วัคซีนอาจช่วยปกป้องเด็กแม้ในช่วงแรกของมีชีวิต

แหล่งที่มา

(1) Maternal Vaccination as an Essential Component of Life-Course Immunization and Its Contribution to Preventive Neonatology. US National Library of Medicine National Institutes of Health https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5981886/
(2) Immunization. US National Library of Medicine National Institutes of Health https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/30913173
(3) World Health Organization. Safety of Immunization during Pregnancy: A review of the evidence. https://www.who.int/vaccine_safety/publications/safety_pregnancy_nov2014.pdf?ua=1
(4) World Health Organization. Immunization coverage. https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/immunization-coverage
(5) Centers for Disease Control and Prevention. Why Maternal Vaccines Are Important. https://www.cdc.gov/vaccines/pregnancy/hcp-toolkit/important-maternal-vaccines.html
(6) American College of Obstetricians and Gynecologists. Immunization, Infectious Disease, and Public Health Preparedness Expert Work Group. https://www.acog.org/Clinical-Guidance-and-Publications/Committee-Opinions/Immunization-Infectious-Disease-and-Public-Health-Preparedness-Expert-Work-Group/Maternal-Immunization
(7) Pfizer. Press Release. https://www.pfizer.com/news/press-release/press-release-detail/pfizer_begins_a_phase_1_2_study_to_evaluate_respiratory_syncytial_virus_rsv_vaccine-0
(8) U.S. Food and Drug Administration. FDA Briefing Document: Vaccines and Related Biological Products Advisory Committee Meeting, May 17, 2018. https://www.fda.gov/media/113260/download

PP-UNP-THA-0685​
ร่วมงานกับเรา เงื่อนไขการใช้บริการ นโยบายความเป็นส่วนตัวโปรดปรึกษาแพทย์หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคหรือการใช้ยา
 
บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด 1 อาคารพาร์ค สีลม ชั้น 27 ห้อง 2701-2704 และ 2707-2708 ถนนคอนแวนต์ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500 โทรศัพท์ 02-761-4555
 
บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ขอสงวนสิทธิในลิขสิทธิ์ทั้งปวง ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในไซต์นี้มีไว้เฉพาะเพื่อบุคคลซึ่งมีถิ่นที่ อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น ฉลากผลิตภัณฑ์และเอกสารกำกับยาของ ผลิตภัณฑ์ที่มีการกล่าวถึงในไซต์นี้อาจแตกต่างกันในแต่ละประเทศ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท ไฟเซอร์เป็นบริษัทเวชภัณฑ์ที่มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยพัฒนาสุขภาพของ บุคคลโดยการวิจัยและพัฒนายา
 
Copyright © Pfizer (Thailand) Limited. All rights reserved.